Star Wars 9 The Rise of Skywalker สตาร์ วอร์ส

เรื่องเลยครับ
ถ้าใครที่ชอบเรื่องราวของสตาร์วอร์ภาค 8 อาจจะต้องเสียใจกับสิ่งนี้ นั้นก็คือเนื้อเรื่องที่ปูมาอย่างดี แต่ว่า เจ เจ อัมบลัม กลับเลือกที่จะลบล้างสิ่งที่เกิดขึ้นในภาค 8 เลยก็ว่าได้ และปูเนื้อหาบทใหม่แทนที่ด้วยความเร่งรีบแทน ทั้งเรื่องเราจะเห็นการดำเนินเรื่องที่รวดเร็วและตัดไปมาอย่างไม่สมเหตุสมผล เหตุผลทั้งหมดหรือปมบางส่วนจะไม่มีการเฉลยอะไรเลย ฉากการบิ้วอารมณ์ที่ไม่น่าประทับใจ ถ้าคุณคาดหวังว่าหนังเรื่องนี้จะมีเนื้อเรื่องที่เข็มข้นให้ผ่านไปได้เลย ถือว่าเป็นภาคที่ผิดหวังที่สุดในแฟรนไชส์นี้เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งการตัดต่อและการบิ้วอารมณ์คนดู แต่สำหรับแฟนคลับ Star Wars จะต้องหลงรักในภาพยนตร์เรื่องนี้แน่ ๆ ด้วยความที่มีอีสเตอร์เอ็กและการหยิบกิมมิคภาคก่อน ๆ มาใช้ตลอดทั้งเรื่อง ตัวหนังเรื่องนี้ทั้งเรื่องคุณจะได้เห็นภาพซ้อนจากสตาวอร์ไตรภาคแรกอย่างแน่นอน และสิ่งที่เสียไปก็คงเป็นความแปลกใหม่ที่มีในภาพยนตร์เรื่องนี้ หนังเรื่องนี้จึงสอบตกจากการเป็นภาพยนตร์ที่ดี แต่เป็นการแจกแฟนเซอร์วิสให้ผู้ชมอย่างบ้าคลั้งแทน และเป็นการปิดฉากตระกูลสกายวอล์คเกอร์ที่แฟน ๆ ที่ซึ้งกินใจ
ฉากแอ็คชั่นและผจญภัยที่ทำมาเพลิดเพลินและยาวนาน ในเรื่องนี้เราจะได้ดูการผจญภัยแบบไม่หยุดกันเลยทีเดียวพร้อมด้วยฉากแอคชั่นที่มีตลอดทั้งเรื่อง ทำให้สามารถสร้างความเพลิดเพลินให้กับผู้ชมได้อย่างดีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หนังเรื่องนี้มีความพิเศษต่างจากเรื่องอื่นอยู่ดี
การพัฒนาตัวละครที่ดูเหมือนจะไม่น่าประทับใจซักเท่าไหร่ ในภาคนี้ตัวละครบางตัวจะมีการพัฒนาการที่ค่อนข้างแปลกอย่างหนึ่ง การปูบทการพัฒนาของตัวละครหลักเริ่มไม่ถึงนาทีเลยกลับส่งผลต่อความคิดของตัวละครหลักได้ ซึ้งมันไม่ค่อยสมเหตุสมผลซักเท่าไหร่จากภาคก่อน อย่างไคโร เรนที่ตอนจบเราจะไม่เห็นการพัฒนาของตัวละครนี้เลยเหมือนวนอยู่กับที่ ทั้งที่ภาค 8 ปูมาอย่างดี หรือจะเป็น โพ ที่ยังไงก็อยู่ยังงั้น ทั้งที่ตัวละครเหล่านี้เป็นตัวละครหลักแท้ ๆ
เรื่องภาพและแสงสีเป็นอีกจุดเด่นที่สำคัญของ สตาร์วอร์ 9 ด้วยพลังของ CG และพลังของจอ IMAX เราจะได้เห็นธรรมชาติที่สมจริงมากขึ้น คลื่นน้ำที่ถาถมเข้าชายฝั่งสุดแสนตระกาลตาและการฉากสงครามยานอวกาศที่ทำออกมาได้น่าประทับใจเลยทีเดียว แสงสีของเลเซอร์และระเบิดจัดเต็ม จัดว่าเป็นการถาถมที่มากที่สุดของแฟรนไชส์นี้เลยทีเดียว ถ้าใครได้ดู IMAX รับรองว่าคุ้มอย่างแน่นอน
โดยรวม ๆ แล้วเป็นภาคปิดที่ค่อนข้างทำมาดีในตอนท้าย แต่ยังคงผิดหวังที่หนังยังคงไม่มีเรื่องราวที่แปลกใหม่ และกลับทำลายสิ่งที่ภาค 8 ปูมาทั้งหมด และการดำเนินเรื่องที่รวดเร็วมากเกินไปจนทำให้หนังเรื่องนี้เสียไปเลย นับตั้งแต่ดูภาค1-8มา ภาคนี้ถือว่าเป็นภาคที่แย่ที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ถ้ายังเป็นแฟน Star wars ละก็สมควรไปดูเพื่อปิดไตรภาคนี้อย่างยิ่ง
หลังจากที่ภาค 6 อย่าง Return Of The Jedi พัลพาทีนได้ถูก Darth Vader โยนลงเหวไปและหลังจากนั้นเราก็ไม่รู้ชะตาของเขาอีกเลย ในภาคนี้เขากลายมาเป็นตัวร้ายหลัก ในตัวภาพยนตร์ไม่ได้มีการกล่าวถึงว่าเขารอดจากเหตุการณ์นั้นได้อย่างไร เขาหลบซ่อนอยู่ในความมืดในสถานที่ไม่มีใครรู้จักและส่งกุญแจ 2 ดอกไว้ตามสถานที่ที่ตัวเองวางไว้ เพื่อรอซักวันเหล่าซิธจะมาหาตนได้ นี้เป็นกิมมิคอีกอย่างจากเนื้อเรื่องของคอมิค วิหารแห่งซิธ ซึ่งเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าซิธ ดูเหมือนว่า เจ เจ อัมบลัม จะทำการบ้านมาดีที่จะเอาใจเหล่าแฟนสตาวอร์ ด้วยการนำวิหารเหล่านี้เข้ามาในฉากเจอพัลพาทีนใน สตาร์วอร์ 9 ภาคนี้
เรย์เป็นลูกหลานของใครกันแน่?

ในตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ได้กล่าวไว้ว่า พ่อหรือแม่ เรย์คนใดคนหนึ่งเป็นลูกของพัลพาทีนซึ่งตัวหนังไม่ได้บอกรายละเอียดอีกว่า แล้วพัลพาทีนมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วไปมีได้ไงเพราะยุครุ่งเรืองของเจไดก็ผ่านมานานมากแล้ว ยิ่งตอนเป็นหัวหน้าเหล่าภาคีนี้ลูกก็ต้องเห็นบ้างแหละ แต่ตัวหนังกลับที่จะไม่ยกเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมาเลย กล่าวแค่ว่าพ่อแม่ของเรย์ต้องขายเรย์ให้พ่อค้าทาสเพื่อปกป้องชีวิตของเธอจากการที่พัลพาทีนต้องการฝึกให้เป็นซิธ
ตัวละครที่ไม่มีการพัฒนาใด ๆ
ไคโร เรน เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ปูบทไว้ดีมากในภาค 8 ที่ละทิ้งแสงสว่างเข้าสู่ด้านมืดอย่างเต็มตัวไม่ยอมให้ใครชักใยถึงขั้นทำลายหมวกตัวเอง แต่ในภาคนี้กลับกลายเป็นตัวละครไบโพล่าซะงั้น ในตอนที่เลอาตาย ไคโร เรน สัมผัสถึงการจากไปของเรอาได้ และได้เห็นภาพของ ฮาน โซโล มาบอกกล่าวให้กลับมาเถอะ เบน หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนซะงั้น!!! เป็นการปูบทที่ไม่ถึง 5 นาที ก็เปลี่ยนใจคนเราได้
การสร้างฉากที่ซาบซึ่งได้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ
เนื่องจากว่าภาคนี้การเดินทางเร็วแบบ Non-Stop จึงทำให้เนื้อหาที่อัดแน่นในภาคนี้มีเยอะมากจึงทำให้การปูบทให้อินกับเนื้อเรื่องมีน้อยมาก เทียบกับเรื่องอื่น ทำให้เราไม่สามารถกับตัวละครเหล่านี้ได้ อย่างการจากไปของเลอาที่ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่มีการพูดถึงอยากจะไปก็ไป เป็นสิ่งที่งงงวยมากสำหรับหนังเรื่องนี้

พลังฟอร์ซแหกกฎเกินกว่าซีรีส์เรื่องนี้จะมี
หลังจากที่ภาค 8 ได้สร้างความตกอกตกใจให้แก่แฟน ๆ และสาปแช่งว่ามันเกินกว่าพลังฟอร์ซ ในสตาร์วอร์ภาค 9 นี้เอง ฟอร์ซก็สามารถทำอะไรก็ได้แล้วอย่างส่งของข้ามมิติด้วยระบบพลังจิต EMS และการฮีลโดยส่งพลังชีวิตไปให้อีกชีวิต เดี๋ยว ๆ แฟรนไชส์นี้ทั้งเรื่องไม่มีใครสามารถทำได้อย่างสองคนนี้ได้อีกแล้ว นี้มันโครตแหกกฎฟิสิกส์ในสตาวอร์ชัด ๆ ส่วน Knight Of Ren เป็นสตอมทรูเปอร์เวอร์ชั่นเท่ชัด ๆ นี้มันกระสอบทรายอีกกลุ่มหนึ่งของเรื่องนี้เลย ไม่มีการโชว์ฝีมือความเก่งใด ๆ ในเรื่องเลย
วิหารของซิธ เป็นอีกหนึ่งอีสเตอร์เอ็กที่น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากวิหารแห่งนี้เป็นสถานที่ลับที่แม้แต่เหล่าเจไดก็ยังหาไม่เจอ เป็นวิหารที่หลบซ่อนและสร้างเหล่าซิธลอร์ด เพื่อมาควบคุมกาแล็กซี่ในเงามืด
กริซแห่งมอร์ทิซ ในอนิเมชั่น สตาวอร์:สงครามโคลน มีดนี้เป็นมีดหลบซ่อนอยู่ในโลกแห่งมอร์ทิซ แฟน ๆ คาดว่ามีดในภาคนี้คือมีดเล่มเดียวกับในอนิเมชั่น
ในฉากสุดท้ายของเรื่อง เรย์ได้ไปที่บ้านเกิดของลุคในดาวทะเลทรายอันแสนไกล เพื่อไปฝังไลท์เซเบอร์ของลุคและเลอา แต่แล้วก็มียายชราเดินมาถามว่า เรย์ เป็นใครกัน เรย์จึงตอบชื่อของเธอไปแต่ไม่มีนามสกุลของเธอ ยายแก่จึงถามเธออีกครั้งว่า เรย์ ไหน เรย์จึงมองไปที่ทะเลทรายอันว่างปล่าวแล้วก็พบชายชราและหญิงชรายืนอยู่คู่กัน ใช่แล้วนั้นก็คือวิญญาณของลุค และเลอานั้นเอง เธอเข้าใจความหมายของสิ่งที่พวกเขากำลังจะสื่อกับเธอแล้ว เธอจึงหันกลับไปและตอบหญิงชราว่า ดูหนังออนไลน์ หนังแนะนำ